อับเดตข่าวสารและโปรโมชั่นจาก maneedee.com

รวมเรื่องราวดีๆ สุขภาพ การกิน การอยู่ การใช้ชีวิต ปรัชญา เสริมกำลังใจ ที่นี้ maneedee.com

นิสัย ประจำราศี : เข้าใจตัวเองและผู้อื่น

นิสัยประจำราศีทั้ง 12 ราศี

นิสัยประจำราศีทั้ง 12 ราศี

ราศีแต่ละราศีมีธาตุประจำราศีที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีนิสัยและบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไปด้วย บทความนี้จะกล่าวถึงนิสัยประจำราศีทั้ง 12 ราศี โดยเน้นไปที่นิสัยด้านบวกหรือมุมสว่างของชาวแต่ละราศี เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจและเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น

ราศีมังกร (ธาตุดิน)

  • เป็นคนมีความทะเยอทะยานสูง มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ
  • เป็นคนจริงจังกับชีวิต ทำงานหนัก
  • เป็นคนมีระเบียบวินัย ชอบวางแผน
  • เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง

ราศีกุมภ์ (ธาตุน้ำ)

  • เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทำสิ่งใหม่ ๆ
  • เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย
  • เป็นคนรักอิสระ ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง
  • เป็นคนมีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

ราศีมีน (ธาตุน้ำ)

  • เป็นคนอ่อนไหว ช่างจินตนาการ
  • เป็นคนมีอารมณ์สุนทรีย์ รักศิลปะ
  • เป็นคนมีเมตตากรุณา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
  • เป็นคนมีลางสังหรณ์แม่นยำ

ราศีเมษ (ธาตุไฟ)

  • เป็นคนมีความทะเยอทะยานสูง ต้องการเป็นหนึ่งเหนือคนอื่นมากที่สุด
  • เป็นคนกล้าหาญ อารมณ์ร้อน ชอบเอาชนะคน
  • เป็นคนขยัน กระตือรือร้น ชอบทำอะไรใหม่ ๆ
  • เป็นคนตรงไปตรงมา จริงใจ

ราศีพฤษภ (ธาตุดิน)

  • เป็นคนอ่อนโยน ใจดีที่สุด
  • เป็นคนมั่นคง หนักแน่น อดทน
  • เป็นคนรักครอบครัว รักเพื่อนฝูง
  • เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่รักของใครหลายคน

ราศีมิถุน (ธาตุลม)

  • เป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดี ร่าเริง
  • เป็นคนฉลาด ช่างคิด ช่างสังเกต
  • เป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
  • เป็นคนปรับตัวเก่ง

ราศีกรกฎ (ธาตุน้ำ)

  • เป็นคนอบอุ่น รักครอบครัว
  • เป็นคนอ่อนไหว อ่อนแอ ต้องการความรักและความเข้าใจ
  • เป็นคนช่างฝัน ชอบจินตนาการ
  • เป็นคนมีศิลปะ

ราศีสิงห์ (ธาตุไฟ)

  • เป็นคนมั่นใจในตัวเอง รักความโดดเด่น
  • เป็นคนกล้าแสดงออก ชอบเป็นจุดสนใจ
  • เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน
  • เป็นคนใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

ราศีกันย์ (ธาตุดิน)

  • เป็นคนละเอียดรอบคอบ ใส่ใจในทุกรายละเอียด
  • เป็นคนรักความสะอาด ความเป็นระเบียบ
  • เป็นคนมีเหตุผล ชอบคิดวิเคราะห์
  • เป็นคนจริงจังกับงาน

ราศีตุลย์ (ธาตุลม)

  • เป็นคนยุติธรรม ชอบความเท่าเทียม
  • เป็นคนรักความสงบ เกลียดความขัดแย้ง
  • เป็นคนช่างเจรจา ชอบการประนีประนอม
  • เป็นคนมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

ราศีพิจิก (ธาตุน้ำ)

  • เป็นคนลึกลับ น่าค้นหา
  • เป็นคนมีอารมณ์รุนแรง รักใครรักจริง
  • เป็นคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจสูง
  • เป็นคนมีลางสังหรณ์แม่นยำ

ราศีธนู (ธาตุไฟ)

  • เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ มองโลกในแง่ดี
  • เป็นคนรักอิสระ ชอบเดินทางท่องเที่ยว
  • เป็นคนมีอารมณ์ขัน ชอบสร้างเสียงหัวเราะ
  • เป็นคนใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

จะเห็นได้ว่า แต่ละราศีมีนิสัยและบุคลิกภาพที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะมีนิสัยด้านลบอยู่บ้าง แต่เราก็สามารถเรียนรู้และปรับปรุงนิสัยเหล่านั้นให้ดีขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น จากนั้นก็พยายามพัฒนาตัวเองในด้านที่ไม่ดีและรักษาด้านที่ดีเอาไว้ เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ

 

เลือกสีเสื้อมงคลประจำวัน เสริมดวงให้ปัง

สีเสื้อมงคลประจำวัน

สีมงคล ประจำวัน สำหรับ แต่ละโอกาส

ความเชื่อเรื่องสีเสื้อมงคลมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อว่าสีแต่ละสีมีพลังงานและส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ และความคิดของเรา ดังนั้นการเลือกใส่สีเสื้อที่เหมาะกับวันเกิดหรือวันที่เราต้องการจะเสริมดวงจึงสามารถช่วยเสริมโชคลาภ ความสำเร็จ และความสุขในชีวิตได้

บทความนี้นำเสนอแนวทางการเลือกสีเสื้อมงคลประจำวันสำหรับแต่ละโอกาส เพื่อให้คุณสามารถเลือกใส่สีเสื้อที่เหมาะกับความต้องการและเสริมดวงได้อย่างเต็มที่

เลือกสีเสื้อมงคลประจำวัน

ตามตำราโหราศาสตร์ไทย แต่ละวันเกิดมีสีมงคลประจำวัน ดังนี้

  • วันอาทิตย์ : สีแดง
  • วันจันทร์ : สีเหลือง
  • วันอังคาร : สีชมพู
  • วันพุธกลางวัน : สีเขียว
  • วันพุธกลางคืน : สีดำ
  • วันพฤหัสบดี : สีแสด
  • วันศุกร์ : สีฟ้า
  • วันเสาร์ : สีม่วง

คุณสามารถเลือกใส่เสื้อผ้าสีมงคลประจำวันเพื่อเสริมดวงในด้านต่างๆ ได้ตามต้องการ ดังนี้

  • การเงิน : สีเขียว สีเหลือง สีทอง
  • โชคลาภ : สีแดง สีชมพู สีม่วง
  • ความรัก : สีชมพู สีฟ้า สีม่วง
  • สุขภาพ : สีเขียว สีเหลือง สีครีม
  • การเรียน การงาน : สีดำ สีกรมท่า สีน้ำตาล
  • อำนาจ บารมี : สีดำ สีกรมท่า สีน้ำตาล

เลือกสีเสื้อมงคลประจำโอกาส

นอกจากการเลือกสีเสื้อมงคลประจำวันแล้ว คุณยังสามารถเลือกสีเสื้อมงคลประจำโอกาสเพื่อเสริมดวงในด้านต่างๆ ได้ตามต้องการ ดังนี้

  • การสัมภาษณ์งาน : สีดำ สีกรมท่า สีน้ำตาล จะช่วยเสริมความมั่นใจและความเป็นมืออาชีพ
  • งานมงคล : สีชมพู สีฟ้า สีม่วง จะช่วยเสริมความมงคลและโชคลาภ
  • งานสังสรรค์ : สีเหลือง สีทอง สีสดใส จะช่วยเสริมความโดดเด่นและมีชีวิตชีวา
  • วันสำคัญ : สีที่ชื่นชอบหรือสีประจำวันเกิด จะช่วยเสริมความมั่นใจและโชคดี

เคล็ดลับการเลือกสีเสื้อมงคล

  • สามารถเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีสีผสมกันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใส่สีเดียวทั้งตัว
  • หากไม่มั่นใจว่าจะใส่สีอะไรดี แนะนำให้เลือกสีที่เข้ากับบุคลิกและสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง
  • ควรเลือกสีเสื้อที่เข้ากับโอกาสและสถานที่

ข้อควรระวังในการเลือกสีเสื้อมงคล

การเลือกใส่สีเสื้อมงคลเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์ ดังนั้นจึงไม่ควรยึดติดมากเกินไป ควรใช้ชีวิตอย่างมีสติและรับผิดชอบต่อตนเอง

ตัวอย่างสีเสื้อมงคลประจำวัน สำหรับแต่ละโอกาส

  • วันอาทิตย์
    • วันธรรมดา : สีแดง จะช่วยเสริมความมั่นใจและพลังในการทำงาน
    • วันหยุด : สีแดงหรือสีชมพู จะช่วยเสริมโชคลาภและความรัก
  • วันจันทร์
    • วันธรรมดา : สีเหลือง จะช่วยเสริมความฉลาดและสติปัญญาในการทำงาน
    • วันหยุด : สีเหลืองหรือสีเขียว จะช่วยเสริมสุขภาพและความเจริญรุ่งเรือง
  • วันอังคาร
    • วันธรรมดา : สีชมพู จะช่วยเสริมเสน่ห์และการสื่อสารในการทำงาน
    • วันหยุด : สีชมพูหรือสีฟ้า จะช่วยเสริมความรักและความโชคดี
  • วันพุธกลางวัน
    • วันธรรมดา : สีเขียว จะช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจในการทำงาน
    • วันหยุด : สีเขียวหรือสีฟ้า จะช่วยเสริมสุขภาพและความเจริญรุ่งเรือง
  • วันพุธกลางคืน
    • วันธรรมดา : สีดำ จะช่วยเสริมอำนาจและบารมีในการทำงาน
    • วันหยุด : สีดำหรือสีแดง จะช่วยเสริมโชคลาภและความโดดเด่น
  • วันพฤหัสบดี
    • วันธรรมดา : สีแสด จะช่วยเสริมความมั่นใจและความสำเร็จในการทำงาน
    • วันหยุด : สีแสดหรือสีทอง จะช่วยเสริมโชคลาภและความมั่นคง
  • วันศุกร์
    • วันธรรมดา : สีฟ้า จะช่วยเสริมการสื่อสารและความสัมพันธ์ในการทำงาน
    • วันหยุด : สีฟ้าหรือสีม่วง จะช่วยเสริมความรักและความโชคดี
  • วันเสาร์
    • วันธรรมดา : สีม่วง จะช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเงินในการทำงาน
    • วันหยุด : สีม่วงหรือสีดำ จะช่วยเสริมอำนาจและบารมี

บทความนี้เป็นเพียงแนวทางในการเลือกสีเสื้อมงคลประจำวัน สำหรับแต่ละโอกาสเท่านั้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและความเชื่อส่วนบุคคล

 

เศรษฐกิจโลกและไทยเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูง ส่งผลต่อค่าครองชีพและการลงทุน

Businessman

เศรษฐกิจโลกและไทยกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 7.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 7.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

สาเหตุของภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
  • ปัญหาการขาดแคลนสินค้าและบริการทั่วโลก
  • สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น

ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจากทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย และอาจนำไปสู่การลดลงของกำลังซื้อ

นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากทำให้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การลงทุนลดลง

เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารกลางทั่วโลกจึงเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.5%

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การลงทุนลดลงและอาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ความเห็นส่วนตัว:

ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

 

 

วันลอยกระทง 2566: ประเพณีขอขมาพระแม่คงคาและบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ

ลอยกระทง

วันลอยกระทง ประเพณีไทยที่สืบทอดมายาวนาน

วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ นิยมทำบุญตักบาตร ลอยกระทง สรงน้ำพระ และทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ประวัติวันลอยกระทง

วันลอยกระทงมีประวัติมายาวนาน สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยเชื่อว่ามีที่มาจากความเชื่อเรื่องนางสุชาดา ซึ่งได้นำเครื่องหอมและดอกบัวลอยลงในแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันตรัสรู้

ต่อมา ประเพณีลอยกระทงได้แพร่หลายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแต่ละประเทศจะมีชื่อเรียกและประเพณีที่แตกต่างกันไป เช่น ในประเทศลาวเรียกว่า "วันออกพรรษา" ในประเทศพม่าเรียกว่า "วันยี่เป็ง"

ตำนานวันลอยกระทง

นอกจากตำนานนางสุชาดาแล้ว ยังมีตำนานวันลอยกระทงอีก 2 ตำนาน ได้แก่

  • ตำนานการลอยพระประทีป เล่าว่า ในสมัยกรุงสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้โปรดให้จัดพิธีลอยพระประทีปขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์
  • ตำนานการขอขมาพระแม่คงคา เล่าว่า ในวันเพ็ญเดือน 12 เหล่าเทวดาจะลงมาเล่นน้ำในแม่น้ำคงคา มนุษย์จึงลอยกระทงเพื่อขอขมาต่อพระแม่คงคาที่อาจได้ล่วงเกินน้ำมา

ความเชื่อวันลอยกระทง

ประเพณีลอยกระทงมีความเชื่อหลายประการ ดังนี้

  • เป็นการขอขมาพระแม่คงคา เป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคาที่อาจได้ล่วงเกินน้ำมา
  • เป็นการลอยเคราะห์ลอยโศก เป็นการลอยความทุกข์ ความโศก ความเศร้า ความโชคร้าย ไปพร้อมกับกระทง
  • เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือน 12
  • เป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลออกพรรษา เป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลออกพรรษาของชาวพุทธ

สิ่งที่ควรทำในวันลอยกระทง

ในวันลอยกระทง นิยมทำกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • ทำบุญตักบาตร ในตอนเช้าตรู่ของวันลอยกระทง ผู้คนจะออกมาทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล
  • ลอยกระทง เป็นการลอยกระทงที่ทำจากวัสดุต่าง ๆ เช่น ใบตอง ดอกไม้ เทียน และธูป เพื่อลอยไปตามสายน้ำ เพื่อเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา และลอยเคราะห์ลอยโศก
  • สรงน้ำพระ เป็นการสรงน้ำพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคล
  • ทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกเหนือจากกิจกรรมหลัก ๆ ข้างต้น ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การเล่นน้ำ การประกวดกระทง การจุดพลุ เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติในวันลอยกระทง

ในการลอยกระทง มีข้อควรปฏิบัติดังนี้

  • ไม่ควรลอยกระทงที่ทำจากโฟมหรือพลาสติก เพราะจะย่อยสลายได้ยากและสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
  • ควรเลือกลอยกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ดอกไม้ เทียน และธูป
  • ควรลอยกระทงในที่ที่เหมาะสม เช่น แม่น้ำสาธารณะ ลำคลอง ไม่ลอยกระทงในแม่น้ำที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติหรือแม่น้ำที่เป็นแหล่งน้ำบริโภค
  • ควรช่วยกันรักษาความสะอาดของสถานที่ลอยกระทง

ปีนี้ลอยกระทงวันไหน

ปี 2566 วันลอยกระทงตรงกับ วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566

วันลอยกระทงเป็นประเพณีไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน เป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมไทย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อพระแม่คงคา และเป็นการขอขมาต่อสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป เพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสดใสและมีความสุข

ธี่หยด คืออะไร? ความหมายที่แท้จริงของคำปริศนาจากเรื่องเล่าผีสุดหลอน

ธี่หยด

คำว่า "ธี่หยด" นั้น มาจากเรื่องเล่าผีสุดหลอนบนเว็บไซต์พันทิป ซึ่งเจ้าของเรื่องได้เล่าถึงเสียงปริศนาที่เปล่งออกมาเป็นคำว่า "ธี่หยด" ในตอนกลางคืน เสียงดังกล่าวมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าและความรู้สึกเย็นยะเยือก

คำว่า "ธี่หยด" ไม่มีความหมายที่แน่ชัด มีการคาดเดากันว่า อาจจะเกิดจากการฟังเพี้ยนมาจากคำว่า "เตี๊ยะหยด" ซึ่งเป็นภาษามอญโบราณ หมายถึง "โอม" ซึ่งเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา

อย่างไรก็ตาม ดร.องค์ บรรจุน ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมอญ ได้ให้คำตอบว่า คำว่า "ธี่หยด" ไม่ใช่ภาษามอญ โดยได้กล่าวไว้ว่า ไม่เคยได้ยินที่มาของคำที่ไม่ชัด เพราะคนแวดล้อมเหตุการณ์ไม่รู้ แค่เล่าจากความทรงจำเมื่อ 50 ปีก่อน จากนั้นคนที่ฟังรายการผีจึงช่วยตีความ ลากเข้าความ ให้ภายหลัง

ดังนั้น คำว่า "ธี่หยด" นั้น อาจจะเป็นการฟังเพี้ยนมาจากคำว่า "เตี๊ยะหยด" ก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นคำที่ไม่มีความหมายอะไรเลยก็เป็นได้ ซึ่งคงต้องรอคำยืนยันจากเจ้าของเรื่องต้นฉบับอีกครั้งหนึ่ง